[ถ้อยคำของฝ่ายชาย ร้องโดย Adam Lavine]
I'm at a payphone trying to call home
All of my change I spent on you
Where have the times gone
Baby it's all wrong, where are the plans we made for two?
ผมอยู่ที่ตู้โทรศัพท์พยายามจะโทรกลับบ้าน [payphone เปรียบเสมือนสถานการณ์ของชายคนหนึ่งที่กำลังรอคอยการตอบรับจากคนรักที่เพิ่งจะเลิกรากันไป ทั้งหมดที่เขาทำเพื่อที่จะกลับไปที่ๆ เดิมที่เขาทั้งสองคนรัก]
ทุกเศษสลึงก็ใช้กดโทรหาแต่คุณไปหมดแล้ว [change หรือ เศษเงินที่ใช้โทรศัพท์ เปรียบเสมือนความอุทิศทุกเททุกอย่างที่เขามอบให้กับคนรักเพื่อพยายามจะให้คนรักกลับมาหา และอาจจะหมายถึงการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้คนรักกลับมารักเขาก็ได้เช่นกัน]
แต่ไหนหล่ะเวลาค่าโทร? [แต่แล้วเขาก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับเลยสักครั้ง]
ที่รัก ทุกอย่างมันรวนไปหมด ไหนล่ะไอ้แผนชีวิตต่างๆ ที่เราสองได้วางกันเอาไว้? [ทุกครั้งที่เราใช้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะ เมื่อหยอดเหรียญไปแล้วจะได้เวลาโทรกลับมา แต่โทรศัพท์เครื่องนี้มันรวนไปหมด กินเหรียญ ก็เหมือนกับว่าสิ่งที่เขาได้ทำลงไปมันไม่มีค่าในสายตาของคนรักเลย]
Yeah, I, I know it's hard to remember
The people we used to be
It's even harder to picture
That you're not here next to me
You say it's too late to make it
But is it too late to try?
And in our time that you wasted
All of our bridges burned down
ครับ ผมทราบดีว่ามันยากที่จะรื้อฟื้นความทรงจำ…
สำหรับภาพคนสองคนนั้นที่เราเคยเป็น
แต่มันก็นึกไม่ออกยิ่งกว่า…
ถึงภาพที่ไม่มีคุณอยู่เคียงข้างผม
คุณบอกมาว่าเราว่าไกลเกินกว่าจะหันกลับไปเป็นแบบเดิม
แต่มันสายเกินกว่าจะพยายามหรือเปล่าล่ะ? [ไม่มีอะไรสายเกินแก้]
เวลาของเราเหล่านั้นที่คุณไม่ใส่ใจใยดีอะไรกับมันเลย [เขาต้องการบอกว่าจริงๆ หลักจากที่เลิกราไม่ว่าจะด้วยปัญหาอะไรก็แล้วแต่ คนรักของเขาไม่เคยคิดที่จะใช้เวลาเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์สำหรับเขาทั้งสองคนเลย]
สะพานรักของเราสองมันได้มอดไหม้ทลายลงหมดไปแล้ว [ณ ตอนนี้ความรักของเขาทั้งสองมันพังลงแล้ว ก็เหมือนสะพาน แต่มันไม่สายที่จะสร้างสะพานนี้ขึ้นมาใหม่]
I've wasted my nights
You turned out the lights
Now I'm paralyzed
Still stuck in that time when we called it love
But even the sun sets in paradise
ผมใช้เวลาอย่างเปล่าประโยชน์ทุกคืน [เขาใช้เวลาโทรหาและเฝ้ารอคนรักกลับมาทุกคืนแบบไม่หลับไม่นอน]
แต่คุณกลับดับไฟทุกดวง [‘to turn out the light’ เหมือนกับการปิดโอกาส คือไม่ตอบรับอะไรเลยนั่นเอง]
ตอนนี้ร่างกายของผมเป็นอัมพาต [1 ร่างกาย ก็มี 1 ชีวิต และชีวิตของเขาคือตัวเขาเองและตัวคนรัก แต่ในเมื่ออีกส่วนหนึ่งของชีวิตเลือกที่จะทิ้งเขาไป เขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่เป็นอัมพาตไปไหนไม่ได้ นี่เป็นการอธิบายอาการของคนอกหักว่าไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้ ส่วนใหญ่มักจะไม่มีใจอยากไปทำอะไรมากกว่า วันๆ เอาแต่นอนละเมอถึงคนที่รัก]
เพราะยังคงติดอยู่กับอดีตที่เราเรียกว่าความรัก
แม้แต่ดวงตะวันบนสวรรค์ยังอับแสง [สิ่งดีๆ ทั้งหมดถึงจุดจบแล้ว]
I'm at a payphone trying to call home
All of my change I spent on you
Where have the times gone
Baby it's all wrong, where are the plans we made for two?
ผมอยู่ที่ตู้โทรศัพท์พยายามจะโทรกลับบ้าน
ทุกเศษสลึงก็ใช้กดโทรหาแต่คุณไปหมดแล้ว
แต่ไหนหล่ะเวลาค่าโทร?
ที่รัก ทุกอย่างมันรวนไปหมด ไหนล่ะไอ้แผนชีวิตต่างๆ ที่เราสองได้วางกันเอาไว้?
If happy ever after did exist
I would still be holding you like this
All those fairytales are full of shit
One more stupid love song I'll be sick
หากความสุขสมชั่วนิรันดร์มีอยู่จริง
ผมคงจะได้โอบกอดคุณเอาไว้อยู่อย่างนี้
แต่เทพนิยายเหล่านั้นมีแต่เรื่องไร้สาระสิ้นดี
มันเลยมีเพลงรักโง่ๆ ให้ผมเซงอีกเพลงไง [อีกหนึ่งประสบการณ์รักร้ายๆ ที่นึกถึงทีไรเป็นต้องเซ็ง เป็นการใช้คำว่า music สื่อถึงความจริงที่ต้องหรือประสบการณ์ที่ต้องผ่านไปเหมือนกับที่ใช้ในเพลง ‘The One That Got A Way’ ของ Katy Perry]
[ถ้อยคำของฝ่ายหญิง ร้องโดย Adam Lavine]
You turned your back on tomorrow
Cause you forgot yesterday
I gave you my love to borrow
But you just gave it away
You can't expect me to be fine
I don't expect you to care
I know I've said it before
But all of our bridges burned down
เธอหันหลังให้กับวันข้างหน้า
เพราะเธอลืมอดีตที่ผ่านมาของเรา [เขาไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตเพื่อทำให้ความรักในทุกๆ วันของทั้งสองคนดีขึ้น]
ฉันฝากความรักของฉันไว้กับเธอ
แต่เธอกลับทิ้งขว้างมันไป [เธอรักเขาหมดใจ แต่เขากลับทำเหมือนไม่ใส่ใจใยดี ซึ่งเป็นธรรมชาติ ผู้ชายรักแต่ไม่จุกจิกอะไรมากมาย ส่วนผู้หญิงต้องการให้แสดงผู้ชายแสดงความรักต่อเธอเสมอ ไม่ใช่เพราะคิดว่าผู้ชายไม่รัก แต่เป็นเหมือนการย้ำว่าเรายังรักกันดีอยู่ พอนานๆ ไป ผู้หญิงอาจทนไม่ได้จนคิดไปว่าผู้ชายไม่รักเธอแล้วนั่นเอง]
เธอไม่เคยห่วงว่าฉันจะรู้สึกยังไง
แต่ฉันก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะสนใจมันอยู่แล้ว [แสดงให้เห็นว่าคบกันมานานพอสมควร จนผู้หญิงชินกับนิสัยผู้ชาย แต่มันก็ทนไม่ไหวอยู่ดี]
ฉันรู้ว่าฉันเคยพูดแบบนี้มาหนหนึ่งแล้ว [ปัญหานี้เคยเกิดมาแล้ว แต่อย่างว่า ถึงจะคุยจะเคลียร์กันยังไง มันก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี เพราะที่ผ่านมีเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย]
แต่เอาเถอะ สะพานรักของเราสองมันได้มอดไหม้ทลายลงหมดไปแล้ว [พูดไปก็เสียเวลาเปล่า เธอก็คิดว่าที่ผ่านมาเธอเสียเวลาเช่นกัน]
I've wasted my nights
You turned out the lights
Now I'm paralyzed
Still stuck in that time when we called it love
But even the sun sets in paradise
ผมใช้เวลาอย่างเปล่าประโยชน์ทุกคืน
แต่คุณกลับดับไฟทุกดวง
ตอนนี้ร่างกายของผมเป็นอัมพาต
เพราะยังคงติดอยู่กับอดีตที่เราเรียกว่าความรัก
I'm at a payphone trying to call home
All of my change I spent on you
Where have the times gone
Baby it's all wrong, where are the plans we made for two?
ผมอยู่ที่ตู้โทรศัพท์พยายามจะโทรกลับบ้าน
ทุกเศษสลึงก็ใช้กดโทรหาแต่คุณไปหมดแล้ว
แต่ไหนหล่ะเวลาค่าโทร?
ที่รัก ทุกอย่างมันรวนไปหมด ไหนล่ะไอ้แผนชีวิตต่างๆ ที่เราสองได้วางกันเอาไว้?
If happy ever after did exist
I would still be holding you like this
All those fairytales are full of shit
One more stupid love song I'll be sick
หากความสุขสมชั่วนิรันดร์มีอยู่จริง
ผมคงจะได้โอบกอดคุณเอาไว้อยู่อย่างนี้
แต่เทพนิยายเหล่านั้นมีแต่เรื่องไร้สาระสิ้นดี
มันเลยมีเพลงรักโง่ๆ ให้ผมเซงอีกเพลงไง
Now I'm at a payphone...
ตอนนี้ไง ผมอยู่ที่ตู้โทรศัพท์
[ร้องโดย Wiz Khalifa]
Man fuck that shit
I'll be out spending all this money while you sitting round
Wondering why it wasn't you who came up from nothing
Made it from the bottom
Now when you see me I'm stunning
And all of my cars start with the push up a button
Telling me the changed I blew up or whatever you call it
Switched the number to my phone
So you never could call it
Don't need my name on my shirt
You can tell it I'm ballin'
Swish, what a shame, coulda got picked
Had a really good game but you missed your last shot
So you talk about who you see at the top
Or what you could've saw
But sad to say it's over for
Phantom pulled up, valet open doors
Wiz like go away, got what you was looking for
Now ask me who they want
So you can go and take that little piece of shit with you
นี่เพือน ช่างแม่งเหอะ [เพื่อนของเขาปลอบเขาว่าให้ช่างมันไปเหอะ เก็บมาคิดมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น]
กูใช้เงินพวกนี้เป็นฟ่อนตอนที่มึงนั่งๆ นอนๆ ...
ครุ่นคิดว่าทำไมไม่ใช่มึงที่ตั้งตัวมาจากเสื่อผืนหมอนใบ [เพื่อนของเขารวยมาก เพราะขยันทำมาหากินไม่ข้องแวะเรื่องรักไร้สาระอะไรให้เสียเวลาและอนาคต]
สร้างเงินตั้งแต่ก้นถุง
แล้วมาตอนนี้ได้เห็นสารรูปมึง กูแทบรับไม่ได้ [ที่บอกว่าเสียเวลาและอนาคต ก็เหมือนกับเขาคนนี้ ที่ถูกทิ้งให้เสียใจและเสียเวลา ไม่ได้กินไม่ได้นอนจนร่างกายทรุดโทรมจนดูไม่ได้]
รถทุกคันของกูใช้ปุ่มกดสตาร์ท [เพื่อนของเขาบอกว่าเขามีรถหลายคัน และแต่ละคนใช้ปุ่มกดสตาร์ททั้งนั้น นั่นหมายความว่าเพื่อนของเขาทำงานเก็บเงินจนซื้อรถแพงๆ มาขับได้แบบไม่ต้องกลัวสิ้นเปลือง]
แล้วไหนลองบอกมาหน่อยสิว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้างตั้งแต่กูดังเป็นพลุแตกหรือจะเรียกว่าไงก็ถามเถอะ [Wiz เป็นนักร้องหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จมาก ในฐานะที่เป็นเพื่อนของฝ่ายชาย จึงลองถามให้ตอบหน่อยว่าตั้งแต่ที่ Wiz ดังมามีอะไรแย่ลงไหม]
มานี่ เอาเบอร์ของมึงมาใส่เครื่องกูนี่
มึงจะได้ไม่มีเบอร์ให้โทรออกไม่ได้อีก
เสื้อกูไม่จำเป็นต้องมีเบอร์ติดหรอก
เพราะถึงยังไงมึงก็บอกได้ว่าคนที่ครองบอลอยู่คือกู [เขาคงรู้ดีกว่าเพื่อนของเขาเก่งกาจขนาดไหน ในเส้นทางดนตรีนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า Wiz คือใคร]
ว้ายตุ๊ด แล้วอายไหมน่ะ แทนที่จะแฟนมึงจะรับ [ในขณะที่ปรึกษากับเพื่อนอยู่นั้น เขาก็ยังจะขอตัวไปโทรศัพท์หาคนรักของเขาหน่อย แต่ก็ต้องแห้วกลับมา เพื่อนของเขาจึงแซวว่าเป็นตุ๊ด นั่นก็คือหญิงไม่เอานั่นเอง swish นอกจากจะหมายถึงเสียงฟิ้วๆ เช่น เสียงรถแล้ว ยังเป็น slang หมายถึงกลุ่มชายรักร่วมเพศได้อีกด้วย]
ที่ผ่านมามึงทำได้ดีมาก แต่แค่มึงพลาดมาตกม้าตายตอนจบ [เพื่อนของเขาบอกว่าความรักของเขาและคนรักดีมากตลอด แต่มาพลาดตอนนี้เอง นี้ก็เป็นอีกธรรมชาติหนึ่ง คนอื่นๆ รอบตัวก็เหมือนคนนอก เวลามองคู่รักก็ดูรักกันดีไปซะหมด แต่ความจริงว่ามันดีหรือไม่ คู่รักทั้งสองคนนั้นแหละที่รู้ดีกว่าใคร]
ถ้าอย่างงั้นตอนนี้มึงกำลังพูดถึงใครทีมึงเห็นอยู่บนนั้น…
หรือว่ามึงกำลังพูดถึงสิ่งที่มึงเคยมองมาจากข้างบนนั้นแล้วกันแน่ [ทั้งสองคนพูดถึงอนาคตต่อไปกัน เพื่อนของเขาจึงถามว่าที่พูดกันอยู่นี่มันคือเกี่ยวกับอนาคตสูงสุดของเขา หรือว่าการจะใช้ชีวิตอยู่บนจุดสูงสุดอย่างไรกันแน่ เขาคงพร่ำถึงอดีตอันแสนหวานให้เพื่อนของเขาฟัง เพื่อนของเขาจึงเตือนสติให้แยกแยะว่าต่อไปนี้จะทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อคนอื่น]
แต่เอาเหอะ พูดไปก็เศร้าเพราะรักของมึงมันจบไปแล้ว
รถ Phantom กูมารับแล้ว คนใช้ก็มาเปิดประตูต้อนรับ
แล้ว Wiz ไปที่ชอบๆ ได้แล้ว เพราะก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการหมดแล้ว [รถคันหรูของ Wiz มารับพร้อมคนรับใช้บริการ ใครๆ ในวงการต่างบอกให้ Wiz ไปๆ ได้แล้ว เพราะได้สิ่งที่ต้องการหมดทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เงินทอง และที่สำคัญคือผู้หญิงข้างกายหลายๆ คน]
แต่ตอนนี้ลองถามกูมาสิว่าคนพวกนั้นต้องการใคร [พวกนั้นหมายถึงแฟนเพลงและสาวๆ ของ Wiz เป็นเหมือนการย้ำอีกครั้งว่าให้หันมาสร้างอนาคตสำหรับตัวเองได้แล้ว เงินมี ผู้หญิงก็มีมาเองนั่นแหละ นับว่าเป็นทัศนคติที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ]
แล้วมึงจะขับรถสัปปะรังเคนั่นไปไหนก็ตามใจมึงได้เลย [Wiz ยกรถให้ก็ จะขับไปไหนก็ไป เพราะว่ามีรถไว้ใช้อีกหลายคัน]
I'm at a payphone trying to call home
All of my change I spent on you
Where have the times gone
Baby it's all wrong, where are the plans we made for two?
ผมอยู่ที่ตู้โทรศัพท์พยายามจะโทรกลับบ้าน
ทุกเศษสลึงก็ใช้กดโทรหาแต่คุณไปหมดแล้ว
แต่ไหนหล่ะเวลาค่าโทร?
ที่รัก ทุกอย่างมันรวนไปหมด ไหนล่ะไอ้แผนชีวิตต่างๆ ที่เราสองได้วางกันเอาไว้?
If happy ever after did exist
I would still be holding you like this
All those fairytales are full of shit
One more stupid love song I'll be sick
หากความสุขสมชั่วนิรันดร์มีอยู่จริง
ผมคงจะได้โอบกอดคุณเอาไว้อยู่อย่างนี้
แต่เทพนิยายเหล่านั้นมีแต่เรื่องไร้สาระสิ้นดี
มันเลยมีเพลงรักโง่ๆ ให้ผมเซงอีกเพลงไง
Now I'm at a payphone...
ตอนนี้ไง ผมอยู่ที่ตู้โทรศัพท์ [คงเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนของเขาจึงจบการสนทนาแบบประชดประชัน เพราะเขาไม่ฟังอะไรเลยนั่นเอง เอาแต่จะรอคอยรักครั้งเก่าหวนกลับมาอยู่ท่าเดียว]
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
อย่ามาเสียเวลาสแปมเลย